รองผู้บังคับการ ปัดสั่งสอบตำรวจคนสวย แต่งกายไม่เหมาะสม

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 พ.ค. พ.ต.อ.พาณุพงษ์ ศรจิตติ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี กล่าวว่า ช่วงนี้ร.ต.อ.(หญิง) กัญญารัตน์ เฉียบแหลม ได้ลาพักร้อน เนื่องจากเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนก็เห็นใจ และไม่ได้สอบถามอะไรมากมาย

ส่วนกรณีการแต่งกายนั้นเบื้องต้นได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบระเบียบเครื่องแต่งกายว่า มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมบ้างหรือไม่ และแตกต่างจากที่ผู้กองบีสวมใส่หรือไม่อย่างไร จากนั้นจะได้ทำหนังสือรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นต่อไป

พ.ต.อ.พิศาล” แจงไม่มีหนังสือสั่งสอบ ผู้กองบี ปมแต่งเครื่องแบบไม่เหมาะสม เหตุชุดรัดรูป

ความคืบหน้ากรณีที่มีหนังสือส่วนราชการลงนามโดย พ.ต.อ.พิศาล ภุมรินทร์ รองผู้บังคับการ ปฏิบัติราชการแทน ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 7 สั่งให้มีการตรวจสอบ ร.ต.อ.หญิง กัญญาลักษณ์ เฉียบแหลม หรือ ผู้กองบี ตำแหน่ง รอง สวป.ช่วยราชการ งานจราจร สภ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี เนื่องจากมีการแต่งกายไม่เหมาะสมชุดฟิตรัดรูปเกินไปนั้น

ล่าสุด พ.ต.อ.พิศาล ภุมรินทร์ รอง ผบก.ปรท.ผบก.กต.7 จต. ได้เปิดเผยผ่านผู้สื่อข่าวกรุงเทพธุรกิจ ว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ส่วนลักษณะนิสัยของร.ต.อ.หญิง เป็นคนเช่นไร นั้น ตนไม่รู้จักเนื่องจากตนสังกัดอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนร.ต.อ.หญิงสังกัดอยู่จ.เพชรบุรี

……………………………………………………………..

ผู้บังคับการสั่งตรวจสอบภาพผู้กองบี ตรวจแถวจราจรสถานีตำรวจภูธรเพชรบุรี หลังถูกวิจารณ์แต่งกายไม่เหมาะสม

วันนี้ (8 พ.ค.) จากกรณีที่แฟนเพจ Thailand Police Story ได้โพสต์ภาพรองสารวัตรจราจรหญิงท่านหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังคือ ร.ต.อ.(หญิง)กัญญาลักษณ์ เฉียบแหลม หรือ ผู้กองบี รอง สว.จราจร สภ.เพชรบุรี ที่กำลังตรวจแถวตำรวจจราจรก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

หลังภาพดังกล่าวถูกส่งต่อออกไปผู้คนส่วนใหญ่ต่างพากันชื่นชมในตัวตำรวจหญิง ที่อาสามาทำงานภาคสนามอย่างเข้มแข็งและไม่เลือกทำงานในห้องแอร์ แต่ก็ยังคนอีกส่วนหนึ่งได้ตำหนิเครื่องแบบที่เธอสวมใส่ว่ามันรัดเกินไปดูแล้วไม่เหมาะสม

ล่าสุด พ.ต.อ.พิศาล ภุมรินทร์ รองผู้บังคับการ ปฏิบัติราชการแทน ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 7 จเรตำรวจ มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ตรวจสอบภาพดังกล่าวว่าตำรวจหญิงรายนี้สังกัดหน่วยไหน

ซึ่งหากพบว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม หรือเป็นความผิดทางวินัย ให้ดำเนินการพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ทั้งตัวผู้กระทำผิด และผู้บังคับบัญชา พร้อมให้รายงานผลภายใน 15 วัน

ที่มา :MThai News