|
"ค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่า ในปีการศึกษาหน้า หรือในปีการศึกษา 2559โรงเรียนเตรียมทหาร จะงดรับสมัครนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร โดยจะงดรับเป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้นในปี 2560 จะเปิดรับสมัครนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพื่อเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากมีความเคลื่อนไหวอย่างไร จะนำมารายงานให้ทราบกันเป็นระยะ
สำหรับข่าวการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ได้รับการยืนยันเบื้องต้นจากเพจของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ https://www.facebook.com/RoyalPoliceCadetAcademy?fref=nf ซึ่งได้มีการแจ้งข่าวไว้ดังนี้...
"ข่าวค่อนข้างแน่ชัดจากทางโรงเรียนเตรียมทหารแล้วนะครับว่า ในปีหน้า พ.ศ.2559 จะไม่มีการรับสมัครนักเรียนเตรียมทหาร โดยจะงดรับ 1 ปีเพื่อปรับหลักสูตรกลับไปรับนักเรียนชาย ม.4 เหมือนสมัยก่อนครับ
น้อง ม.3 ปีนี้มีเวลาเตรียมตัวเพิ่มขึ้นอีกปีกว่าๆ ขอให้ตั้งใจนะครับ
ส่วนนักเรียนหญิง ม.6 ยังรับเข้าเรียนนายร้อยตำรวจเหมือนเดิมครับ"...
ระเบียบการทั่วไปของผู้สมัครเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ในปีที่ผ่าน ๆ มา (จากเว็บไซต์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ http://www.rpca.ac.th/)
ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พื้นความรู้และคุณสมบัติของผู้สมัครเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ
ผู้สมัครเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของสำนักงานตำรวจเเห่งชาติต้องมีพื้นฐานความรู้ และคุณสมบัติ ต่อไปนี้
1.สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม.3) หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ หรือเทียบเท่า
2.อายุไม่ต่ำกว่า 14 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 17 ปีบริบูรณ์ ในปีที่จะเข้ารับการศึกษาเป็นนักเรียนเตรียมทหาร การนับอายุให้นับตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
3.มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด เเละบิดามารดามีสัญชาติไทยโดยกำเนิด แต่ถ้าบิดาเป็นนายทหารสัญญาบัตร นายตารวจสัญญาบัตรหรือ นายทหารชั้นประทวน นายตำรวจชั้นประทวน ซึ่งมีสัญชาติไทยโดยกำเนิดเเล้ว มารดาจะมิใช่ผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดก็ได้
4.มีอวัยวะ รูปร่าง ลักษณะท่าทาง ขนาดของร่างกายเหมาะสมแก่การเป็นทหารหรือตำรวจ ไม่เป็นโรคตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงตามความในกฎหมาย ว่าด้วยการรับราชการทหารและกฎกระทรวงออกตามความในกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบข้าราชการตำรวจ ตามที่กองบัญชาการทหารสูงสุดกำหนดรายละเอียดไว้ในผนวกท้ายระเบียบ ( รายละเอียดตามผนวก ก )
5.เป็นชายโสด ไม่เคยมีความประพฤติเสื่อมเสียทางเพศ หรือติดต่อ ได้เสียกับหญิง ถึงขั้นที่จะถือว่าเป็นผู้มีภรรยา
6.เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย ไม่บกพร่องในศีลธรรมอันดี มีอุดมการณ์ เลื่อมใสในระบอบการปกครองเเบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์เป็นประมุข และมีผู้ปกครองดูเเลความประพฤติ
7.ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว และไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลาย
8.ไม่เป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา และไม่เคยต้องโทษจำคุกตาม คำพิพากษาคดีถึงที่สุด เว้นเเต่ ความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
9.ไม่เป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างพักราชการ หรือหนีราชการ
10.ไม่เป็นผู้ที่เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน หรือถูกปลดออกเพราะความผิด หรือถูกไล่ออกจากราชการ
11.ไม่เป็นผู้เสพยาเสพติด หรือสารเคมีให้โทษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
12.บิดามารดาและผู้ปกครองเป็นผู้มีอาชีพสุจริตอันชอบธรรม หรือมีหลักฐานเชื่อถือได้
13.เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากบิดา มารดา และผู้ปกครองให้สมัครเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร
14.ต้องมีผู้ปกครองหรือผู้รับรองซึ่งสามารถรับรองข้อความเเละพันธกรณีตามที่กองบัญชาการทหารสูงสุดกำหนดไว้
15.ต้องไม่มีพันธกรณีผูกพันกับองค์กรของรัฐบาลหรือเอกชน อันจะเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
16.ไม่เป็นผู้ที่เคยทุจริตในการสมัครหรือในการสอบคัดเลือกมาเเล้ว
17.พื้นความรู้และคุณสมบัติดังกล่าวนี้ แม้ปรากฏว่าเป็นความเท็จภายหลังที่เข้ารับนักเรียนเตรียมทหารเเล้วก็ตามจะต้องออกจากความเป็นนักเรียนเตรียมทหารทันที
ผู้ไม่มีสิทธิสมัครเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร
1.ไม่มีคุณสมบัติ และลักษณะครบถ้วนตามที่ระบุข้างต้น
2.ผู้ที่เคยถูกถอนทะเบียนออกจากความเป็นนักเรียนเตรียมทหาร
ผู้สมัครที่มีสิทธิได้รับคะเเนนเพิ่มพิเศษ
1.บุตรของข้าราชการตำรวจ หรือราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมที่มีเวลารับราชการดังต่อไปนี้ให้ได้รับคะเเนนเพิ่มตามลำดับ
1.1 รับราชการไม่น้อยกว่า 15 ปี หรือได้รับพระราชทานเหรียญจักรมาลา เพิ่มให้ร้อยละ 4 ของคะเเนนเต็ม
1.2 รับราชการไม่น้อยกว่า 10 ปี เพิ่มให้ร้อยละ 3 ของคะเเนนเต็ม
1.3 รับราชการไม่ถึง 10 ปี เพิ่มให้ร้อยละ 2 ของคะเเนนเต็ม
ระยะเวลารับราชการ ให้นับตั้งเเต่วันเข้ารับราชการถึงวันที่ 1 พฤษภาคม ของปีรับสมัคร
2.บุตรของข้าราชการตำรวจ ทหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานราชการ หรือลูกจ้าง ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการในระหว่างเวลามีการรบ หรือสงคราม หรือมีการปราบจลาจล หรือในระหว่างเวลาที่มีพระบรมราชโองการประกาศกฎอัยการศึก หรือมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือในระหว่างเวลาที่สั่งให้เป็นนักดาเรือดำน้ำ ซึ่งมีสิทธิได้รับเวลาราชการทวีคูณตามกฎหมาย ว่าด้วยบาเหน็จบำนาญข้าราชการ เพิ่มให้ร้อยละ 3 ของคะเเนนเต็ม
บุตรของข้าราชการตำรวจ ทหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานราชการ หรือลูกจ้าง ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ทางยุทธการร่วมกับทหาร ระหว่างเวลาที่มีการซ้อมรบหรือการสงคราม หรือมีการปราบจลาจล หรือในระหว่างเวลาที่มีพระบรมราชโองการประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือ มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการในสถานการฉุกเฉิน หรือในระหว่างเวลาที่สั่งให้เป็นนักดำเรือดำน้ำหรือปฏิบัติหน้าที่สำรวจจัดทำหลักเขตเเดนระหว่างประเทศ ซึงมีสิทธิได้รับเวลาราชการทวีคูณตามกฎหมาย ว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพิ่มให้ร้อยละ 5 ของคะเเนนเต็ม
พลเรือนหรือบุตรของพลเรือน ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ทางยุทธการร่วมกับทหารในการป้องกันและรักษาความมั่นคงของราชอาณาจักรจากภัยคุกคามภายนอกและภายในประเทศ เพิ่มให้ร้อยละ 5 ของคะเเนนเต็ม
3.บุตรของข้าราชการตำรวจ ทหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนกงานราชการ หรือลูกจ้าง
ซึ่งต้องประสบภัยทุพลภาพในขณะปฏิบัติราชการในหน้าที่ตามปกติ หรือประทุษร้ายเพราะเหตุการกระทำการตามหน้าที่ หรือต้องบาดเจ็บถึงตายเพราะเหตุนั้นซึ่งได้รับบำเหน็จบำนาญพิเศษตามกฎหมาย ว่าด้วยบำเหน็จบำนาญขข้าราชการ หรือได้รับเงินค่าทำขวัญ ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยคนงาน หรือได้รับบำเหน็จพิเศษ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง เพิ่มร้อยละ 6 ของคะเเนนเต็ม
บุตรของข้าราชการตำรวจ ทหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานราชการ หรือลูกจ้าง ซึ่งประสบอันตรายถึงทพพลภาพในขณะปิบัติราชการในหน้าที่ทางยุทธการ หรือถูกประทุษร้าย เพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่ ตามข้อ 4.2 หรือต้องบาดเจ็บถึงตายเพราะเหตุนั้นซึ่งได้รับบำเหน็จบำนาญพิเศษ ตามกฎหมาย ว่าด้วยการบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือได้รับเงินค่าทำขัวญ ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยคนงานหรือได้รับบำเหน็จพิเศษตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยบำนาญลูกจ้าง หรือบุตรของผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี หรือเหรียญ หรือเข็มกล้าหาญ เพิ่มร้อยละ 10 ของคะเเนนเต็ม
4.บุตรของข้าราชการตำรวจ ทหาร ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามโจรผู้ร้ายจนถึงแก่ทุพพลภาพหรือถึงเเก่ชีวิต หรือผู้ที่ได้ช่วยเหลือราชการในการปราบปรามโจรผู้ร้ายจนถึงเเก่ทุพพลภาพหรือถึงเเก่ชีวิต ซึ่งได้รับรองจากสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ เพิ่มให้ร้อยละ 10 ของคะเเนนเต็ม
การเพิ่มคะเเนนพิเศษ ตามข้อ 4.1 และ 4.2 ให้เพิ่มคะเเนนหลังจากสอบผ่านภาควิชาการ
การเพิ่มคะเเเนนพิเศษ ตามข้อ 4.3 และ 4.4 ให้เพิ่มคะเเนนพิเศษในภาควิชาการเท่านั้น
กรณีผู้ได้รับสิทธิการเพิ่มคะเเนนพิเศษหลายกรณีให้เพิ่มเฉพาะกรณีที่ได้คะเเนนมากที่สุดเพียงกรณีเดียว
(การพิจารณาให้สิทธิพิเศษตามหลักฐานดังกล่าวข้างต้นปฏิบัติตามประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี )
......................................
ภาพประกอบจากเพจโรงเรียนเตรียมทหาร https://www.facebook.com/afaps?fref=ts