ทำไม ตำรวจเขาจับมือบึ้มราชประสงค์ได้ ตำรวจเขาสืบแบบนี้นี่เอง.

เป็นที่น่าชื่นชมกับการทำงานชุดสืบสวนของนครบาลชุดนี้ ที่สามารถสืบจนได้ตัวผู้ที่่คาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้ว ถือเป็นการคืนความเชื่อมั่นของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กับประชาชนอีกครั้ง

แต่ถ้าเรามารู้ถึงวิธีการทำงานของทีมสืบสวนชุดนี้ คงจะทึ่งกันมากกว่านี้
หลังเกิดเหตุชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่ชุดต่าง ๆ รวมถึงทีมสืบสวนชุดนี้ภายใต้การนำของ "พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา"
ความสะอาดพื้นที่ทันที จนเป็นที่วิพากษ์วิจาร์ณกันไปต่าง ๆ นานา ว่า ทำความสะอาดที่เกิดเหตุเร็วไปมั๊ย ทำไมไม่กั้นเป็นพื้่นที่หวงห้ามไว้ก่อน
และหลักฐานของกลางที่พบในบริเวณศาลท่านท้าวมหาพรหม คือลุกบอลแบริ่ง หรือลูกปืนสเตนเลสขนาด 0.5 ซม. สะเก็ดโลหะ ซากกระเป๋าเป้
และฝักแคชนวนระเบิดสีชมพู (สายจุดชนวนระเบิดที่ใช้เฉพาะมืออาชีพ และเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์ ห้ามมีไว้ในครอบครองมาตั้งแต่เหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ กรณีสมานเมตตาแมนชั่น เมื่อปี 2553)


ฝักแคสีชมพู ตัวนี้มีลักษณะและสีเดียวกันนี้ยังพบจากเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น

ในส่วน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ได้ประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ กอ.รมน. และฝ่ายทหาร พร้อมกับตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ตามพิกัดราว 3 หมื่นหมายเลข ที่มีการติดต่อกันหลังเวลา 18.55 น.ของวันที่ 17 ส.ค. 2558 หรือช่วงเวลาหลังเกิดเหตุระเบิดนั่นเอง ได้จุดประกายทีมสืบสวนชุดนี้ให้แจ่มชัดเดินมาจนถูกทาง


เมื่อผลการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ผู้เกี่ยวข้องจากหลายหมื่นเลขหมาย ลดมาเรื่อยๆ จนถึงหลักพัน หลักร้อย...จนที่สุดได้พบกลุ่มเบอร์ "ผู้ต้องสงสัย" ที่มีการติดต่อกันหลังเหตุระเบิดกว่า 30 ครั้ง การสืบค้นอย่างเงียบแสนเงียบ ไม่กระโตกกระตากซึ่งแม้แต่ ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงก็ยังไม่ระแคะระคายทีมสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทุ่มเทกำลังแรงกายสืบทั้งหมดลงหาข่าวในชุมชนมุสลิม ทั้งย่านบางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี และฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร คือ ย่านมีนบุรี หนองจอกข้อมูลจากการลงพื้นที่

และจากการตรวจสอบพิกัดการใช้โทรศัพท์ เมื่อนำมาวิเคราะห์อีกครั้ง ก็พบว่าจุดใหญ่น่าสนใจที่สุดก็คือ ย่านมีนบุรี หนองจอก


กระทั่งเวลาที่เฝ้ารอก็มาถึง เมื่อมีการติดต่อทางโทรศัพท์ของกลุ่มผู้ต้องสงสัยอีกครั้ง จึงทราบว่าจุดน่าสงสัยดังกล่าวก็คือ "พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์" ตั้งอยู่เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม.

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.และกำลังนอกเครื่องแบบกว่า 50 นาย ผสานกำลังทหารจากกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์
รวมทั้งชุดเก็บกู้ระเบิด รีบเดินทางไปปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายเพื่อตรวจค้นจับกุมในทันที

ปฏิบัติการนี้ เจ้าหน้าที่สามารถควคุมตัว นายอาเด็ม คาราดัก ผู้ต้องสงสัยไว้ได้
พร้อมยึดของกลาง สำหรับผลิตระเบิดมากมาย เช่น

 (1. เสื้อเชิ้ตตรวจพบสารระเบิดกลุ่ม 1 คือ TNT และ C-4
(2. เสื้อละหมาด พบสารเกี่ยวกับการประกอบระเบิดกลุ่ม 3 คือ ยูเรีย
(3. ลูกเหล็กบอลแบริ่ง ขนาดครึ่ง ซม.บรรจุถุงพลาสติกเป็นแพกแบน
(4. ถ่านไฟฉายชนิดกลมและแบน
(5. สายไฟ หัวเชื่อมโลหะ เทปพันสายไฟ
(6. ไขควง กรรไกร
(7. เคมีบางชนิดบรรจุถังแกลลอน จำนวน 3 ถัง
(8. กล่องกระดาษบรรจุเคมีภัณฑ์โซเดียมคาร์บอร์เนต (โซดา แอช)
(9. ท่อเหล็กดราฟท์เกลียว 2 ด้านหัวท้ายขนาดต่างๆ
(10. ผ้าเย็บสำหรับพันรอบเอว ติดตีนตุ๊กแกแบบระเบิดพลีชีพ
(11. สายชนวนฝักแคสีชมพู ยาว 8 ซม.จำนวน 10 เส้น

ถึงจะมีข้อสงสัยบางอย่าง แต่พยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งความโยงใยของกลุ่มคนร้ายเมื่อเรียบเรียงลำดับขั้นตอนต่างๆ สามารถลบล้าง "ข้อสงสัยต่างๆ" ไปแทบหมดสิ้นแต่ที่ยังค้างคาใจกันอยู่ก็คงตกลงว่าเหตุการณ์ระเบิดครั้งร้ายแรงในประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร หรือประเทศไทย

นั้นเป็นฝีมือของกลุ่มการร้าย "Grey Wolves" ของตุรกีหรือไม่ แม้แนวโน้มจะส่อไปทางนั้นอีกทั้งหมายจับ น.ส.วรรณา สวนสันต์ หรือไมซาเลาะห์ อายุ 26 ปี สาวพังงา ผู้ทำสัญญาเช่าอพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก ซึ่งทราบต่อมาว่าแต่งงานกับชาวตุรกี และได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว และเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิด
ไม่ว่าผลการสอบสวนจะเป็นอย่างไร นายอาเด็ม คาราดัก ผู้ต้องหาเพียงคนเดียวจะให้การยังไงไม่ว่าจะรับสารภาพหรือฏิเสธ แต่อย่างหนึ่งที่สรุปได้ว่า นี่คือการก่อวินาศกรรมจากขบวนการก่อการร้ายแต่จะเป็นประเด็นความแค้นจากอุยกูร์ หรือเรื่องอื่น
ที่มา: bingza blogspot.com

About Unknown